04-09-2018, 04:21 AM
เอากันตรงๆเลยนะ กรณี “หมู่บ้านผู้พิพากษา ป่าแหว่ง" คือเขาอยากไปอยู่ที่ๆเหนือคนอื่น..
โดยไม่มีจิตสำนึกถึงความถูกต้อง ความเหมาะสม ถึงจริยธรรม มโนธรรม คำครหานินทาทั้งหลายทั้งปวง...
ตามืดบอดมัวด้วยตันหา(มีเหมือนกันแฮะ)ที่จะมี..จะได้ไปอยู่วิมานบนดอย...
![[Image: iC0Oy3E.jpg]](https://i.imgur.com/iC0Oy3E.jpg)
ไปสร้างความเหลื่อมล้ำต่ำสูงไว้ที่ตรงนั้นโดยถือว่าตนเป็นอภิสิทธิ์ชน...
การที่จะไปนั่งคุยพบปะเจรจากันมันจะเกิดประโยชน์อันใดในเมื่อ..
กลุ่มตัวเองจะเอาข้อโต้แย้งทางกฎหมายที่กลุ่มตัวเองสร้างขึ้นมาเพื่อความชอบธรรมมาอ้างอิง..โดยขาดจิตสำนึกว่าที่ตรงนั้นมันเป็นป่าสมบูรณ์ การดูแลรักษาป่าน่าจะเป็นจิตสำนึกของทุกคนโดยเฉพาะคนในท้องถิ่น จะไปอ้างกฎหมายมาทำลายป่าสร้างบ้านให้ตัวเอง มันสมควรแล้วหรือ...
การเจรจาจะป่วยการเสียเปล่า..เมื่อไม่ยอมรื้อถอนทุบทิ้งคืนพื้นที่ให้ป่าคืนกลับสภาพเดิม..แถมขู่ฟ้องอีก...
ตัวแทนเครือข่ายฯของประชาชนอย่าได้ยอมอะไรนอกเหนือไปจากนี้...
ป.ล. เอาบทความที่ไปอ่านเจอ มาให้อ่านกัน...
เชิญอ่านครับ :
มีคนอยากให้ผู้พิพากษาสมัยนี้อ่าน จะสะกิดใจบ้างไหม?
คิดถึงพ่อ(เข้าใจว่าเป็นพ่อของผู้เขียน)
ตุลาการรุ่นพ่อ เงินเดือนเลี้ยงลูก 3 คนไม่เคยพอ ถ้าจะดำรงตนไม่ให้แปดเปื้อนในยุคนั้น ไม่ใช่แค่ตัวเองหรอกที่ต้องไม่รับสินบน ไม่รับเงินตามน้ำ ทั้งครอบครัวต้องอยู่ในโหมดคิดและภาวะแบบเดียวกัน แม่ต้องรู้จักออมเงิน ต้องมีวินัยในการใช้เงิน มีวิธีบริหารจัดการทรัพยากร ทั้งเวลา คน เงิน ลูกก็ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่จะได้เสื้อผ้าชุดนักเรียนใหม่ทุกปี สามปีถึงได้ครั้งนึงเพราะแม่ต้องเฉลี่ยเงิน หนังสือเรียนและเสื้อผ้าไปเที่ยว เรารับมรดกต่อๆกัน อะไรที่แม่ทำได้แม่ไม่ซื้อ แต่จะทำเอง ก่อนเปิดเทอมแม่จะเอาบัญชีมาอธิบายภาวะทางการเงินให้ฟัง และเคลียร์ว่าปีนี้ลูกคนไหนจะได้รองเท้าหรือเสื้อผ้าใหม่ ส่วนแม่ แม่แทบไม่มีเสื้อผ้าใหม่เลย ในช่วงที่ลูกยังเล็กจนถึงลูกเรียนมัธยม
บ้านน่ะเหรอ..ไม่มีหรอก เราอยู่บ้านหลวง ถึงมันจะเก่า จะโทรม จะผีหลอก แต่เราก็อยู่กับมันมา ไม่มีบ้านหลวงก็อยู่บ้านเช่า กว่าที่พ่อจะมีบ้านของตัวเองหลังแรก ก็ตอนอายุ 48 และกว่าจะผ่อนเสร็จ ก็อีกเกือบ 20 ปีถัดมา
ไม่มีหรอกเงินเดือนหลักแสน หรือบ้านในป่า เพียงเพื่อจะซื้อความสุจริตในอาชีพของคนคนหนึ่ง
คิดถึงพ่อ เพราะพ่อมักจะบอกว่าพ่อไม่มีอะไรให้นะ นอกจากการศึกษาแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก คิดถึงพ่อที่มักจะบอกให้เห็นว่าที่เราดำรงตนมาได้ ไม่เสียหายด่างพร้อย สบตากับทุกคนได้ ก็เพราะแม่เข้าใจ ถ้าแม่เป็นแบบคุณนายคนอื่นที่อยากมีเพชรพลอยหรือมีบ้านใหญ่มีรถมือหนึ่ง ชีวิตเราทุกคนคงลำบากกว่านี้
คิดใหม่เถอะท่าน อย่าปรนเปรอคนเพื่อซื้อความสุจริตของคนเลย สิ่งนี้ซื้อไม่ได้ แลกเปลี่ยนก็ไม่ได้ด้วย เพราะมันเป็นคุณค่าที่ท่านต้องสำนึกเอง และจะรู้เองว่าต้องครองตนอย่างไร
Kusra Mukdawijitra
https://thaienews.blogspot.com/2018/04/b...st_13.html
โดยไม่มีจิตสำนึกถึงความถูกต้อง ความเหมาะสม ถึงจริยธรรม มโนธรรม คำครหานินทาทั้งหลายทั้งปวง...
ตามืดบอดมัวด้วยตันหา(มีเหมือนกันแฮะ)ที่จะมี..จะได้ไปอยู่วิมานบนดอย...
![[Image: iC0Oy3E.jpg]](https://i.imgur.com/iC0Oy3E.jpg)
ไปสร้างความเหลื่อมล้ำต่ำสูงไว้ที่ตรงนั้นโดยถือว่าตนเป็นอภิสิทธิ์ชน...
การที่จะไปนั่งคุยพบปะเจรจากันมันจะเกิดประโยชน์อันใดในเมื่อ..
กลุ่มตัวเองจะเอาข้อโต้แย้งทางกฎหมายที่กลุ่มตัวเองสร้างขึ้นมาเพื่อความชอบธรรมมาอ้างอิง..โดยขาดจิตสำนึกว่าที่ตรงนั้นมันเป็นป่าสมบูรณ์ การดูแลรักษาป่าน่าจะเป็นจิตสำนึกของทุกคนโดยเฉพาะคนในท้องถิ่น จะไปอ้างกฎหมายมาทำลายป่าสร้างบ้านให้ตัวเอง มันสมควรแล้วหรือ...
การเจรจาจะป่วยการเสียเปล่า..เมื่อไม่ยอมรื้อถอนทุบทิ้งคืนพื้นที่ให้ป่าคืนกลับสภาพเดิม..แถมขู่ฟ้องอีก...
ตัวแทนเครือข่ายฯของประชาชนอย่าได้ยอมอะไรนอกเหนือไปจากนี้...
ป.ล. เอาบทความที่ไปอ่านเจอ มาให้อ่านกัน...
เชิญอ่านครับ :
มีคนอยากให้ผู้พิพากษาสมัยนี้อ่าน จะสะกิดใจบ้างไหม?
คิดถึงพ่อ(เข้าใจว่าเป็นพ่อของผู้เขียน)
ตุลาการรุ่นพ่อ เงินเดือนเลี้ยงลูก 3 คนไม่เคยพอ ถ้าจะดำรงตนไม่ให้แปดเปื้อนในยุคนั้น ไม่ใช่แค่ตัวเองหรอกที่ต้องไม่รับสินบน ไม่รับเงินตามน้ำ ทั้งครอบครัวต้องอยู่ในโหมดคิดและภาวะแบบเดียวกัน แม่ต้องรู้จักออมเงิน ต้องมีวินัยในการใช้เงิน มีวิธีบริหารจัดการทรัพยากร ทั้งเวลา คน เงิน ลูกก็ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่จะได้เสื้อผ้าชุดนักเรียนใหม่ทุกปี สามปีถึงได้ครั้งนึงเพราะแม่ต้องเฉลี่ยเงิน หนังสือเรียนและเสื้อผ้าไปเที่ยว เรารับมรดกต่อๆกัน อะไรที่แม่ทำได้แม่ไม่ซื้อ แต่จะทำเอง ก่อนเปิดเทอมแม่จะเอาบัญชีมาอธิบายภาวะทางการเงินให้ฟัง และเคลียร์ว่าปีนี้ลูกคนไหนจะได้รองเท้าหรือเสื้อผ้าใหม่ ส่วนแม่ แม่แทบไม่มีเสื้อผ้าใหม่เลย ในช่วงที่ลูกยังเล็กจนถึงลูกเรียนมัธยม
บ้านน่ะเหรอ..ไม่มีหรอก เราอยู่บ้านหลวง ถึงมันจะเก่า จะโทรม จะผีหลอก แต่เราก็อยู่กับมันมา ไม่มีบ้านหลวงก็อยู่บ้านเช่า กว่าที่พ่อจะมีบ้านของตัวเองหลังแรก ก็ตอนอายุ 48 และกว่าจะผ่อนเสร็จ ก็อีกเกือบ 20 ปีถัดมา
ไม่มีหรอกเงินเดือนหลักแสน หรือบ้านในป่า เพียงเพื่อจะซื้อความสุจริตในอาชีพของคนคนหนึ่ง
คิดถึงพ่อ เพราะพ่อมักจะบอกว่าพ่อไม่มีอะไรให้นะ นอกจากการศึกษาแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก คิดถึงพ่อที่มักจะบอกให้เห็นว่าที่เราดำรงตนมาได้ ไม่เสียหายด่างพร้อย สบตากับทุกคนได้ ก็เพราะแม่เข้าใจ ถ้าแม่เป็นแบบคุณนายคนอื่นที่อยากมีเพชรพลอยหรือมีบ้านใหญ่มีรถมือหนึ่ง ชีวิตเราทุกคนคงลำบากกว่านี้
คิดใหม่เถอะท่าน อย่าปรนเปรอคนเพื่อซื้อความสุจริตของคนเลย สิ่งนี้ซื้อไม่ได้ แลกเปลี่ยนก็ไม่ได้ด้วย เพราะมันเป็นคุณค่าที่ท่านต้องสำนึกเอง และจะรู้เองว่าต้องครองตนอย่างไร
Kusra Mukdawijitra
https://thaienews.blogspot.com/2018/04/b...st_13.html